ผมลงเขาชัน หรือขึ้น-ลงสะพานกลับรถที่มีโค้ง ก็ใช้เกียร์ L ตลอดครับ ช่วยให้ไม่ต้องเบรกเลยหรือไม่ต้องเบรกแรงๆ (ขึ้นอยู่กับความเร็วก่อนชะลอ) เป็นการใช้เครื่องยนต์ฉุดชะลอความเร็วได้ดีมากครับ 
อันนี้ผิดถูกไม่ว่ากันนะครับ ผมอยากขอขยายรายละเอียดเพิ่มอีกนิดครับ
ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งพูดไว้ผมว่าน่าจะจริงนะครับ
การทดเกียร์จากD ไปยัง L เพื่อชลอให้รถหยุดเร็วขึ้นจากความเร็วที่สูงอยู่ จะทำให้เกียร์พังเร็วมาก(ปกติทำได้สำหรับเกียร์manualแต่auto cvtไม่ควรทำ) และไม่มีประโยชน์อันใดที่จะทำอย่างนั้นหากไม่ใช่รถที่มีเครื่องทีแรงมากๆ เขาให้ดูอย่างนี้ครับ
- ปกติรถวิ่ง0-100 ได้ 12 วินาที แสดงว่าประสิทธิภาพของเครื่องได้เท่านี้(ประมาณว่า 120แรงม้า)
- ปกติรถหยุดเต็มที่ 100-0 ได้ 3.5 วินาที(ประมาณว่า600แรงม้า) แสดงว่าประสิทธิภาพของเบรคดีกว่าเครื่องมากนัก
การใช้เครื่องช่วงเบรคในขณะรถมีความเร็วสูงเพื่อชะลอรถไม่ได้มีประโยชน์ แต่หากรถมีอัตราเร่ง 1-100ซัก5วินาที จะเห็นผลมากครับ ดังนั้นเราจะเห็นนักแข่งรถทำการใช้เครื่องช่วยเบรคเป็นปกติ และนักแข่งมักไม่กลัวเกียร์พังครับ เพราะต้องทำเวลาดีที่สุด
ส่วนการใช้เกียร์S L เพื่อให้เกิดแรงขึ้นเนิน หรือengine brakeนั้น ท่านว่าไว้ว่าจะต้องทำตลอดช่วงคือ เวลาลงเขาก็หน่วงไว้ตั้งแต่ยอดเนิน(ตั้งแต่ยังวิ่งช้าๆ)เพื่อให้ิเครื่องหน่วงความเร็วไม่สูงเกินไปแล้วก็หน่วงลงถึงปลายเนิน ไม่ใช่พอถึงกลางเนินหรือปลายเนินแล้วความเร็วสูงเกินค่อยใช้S Lเพื่อลดความเร็วครับ การทำเช่นนี้จะเป็นการป้องกันการใช้เบรคมากเกินไปเวลาขี้นลงเขา ป้องกันเบรคไหม้ครับ
จากหนังสือเล่มข้างต้นผมเคยใช้รถเกียร์ออโต้ได้350,000กิโลเมตรโดยยังไม่ต้องซ่อมเกียร์ครับ ซึ่งตอนนี้ก็ยังใช้งานอยู่ครับ